สาวกาฬสินธุ์ สุดดีใจได้รถกระบะหาย 5 เดือนคืนตร.ทล.อยุธยา สกัดจับได้ขับอยู่ถ.สายเอเชีย

0
448

เมื่อเวลา 15.30  น. วันที่ 23 ก.พ. 65 น.ส.สัชฌกร ศรีสมบัติ อายุ 27 ปี อยู่ ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยญาติ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว..ทล.1 กก.1 บก.ทล ร.ต.อ.วัชรพล วชิรกุลฑล รอง สว.ส.ทล.1 กก.1บก.ทล. ร.ต.อ.อรรณพ ฉิมพลี ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์ สว.(ป.) ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา ได้ร่วมกันตรวจยึดรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ฟอร์ด สีขาว  หมายเลข ทะเบียน กธ 1483 กาฬสินธุ์  ได้ที่บริเวณหลัก กม.ที่ 1-2 ทล.32 ถนนสายเอเซียขาเข้า  ต.เชียงรากน้อย อ.บางประอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีชายอายุ 49 ปีเป็นผู้ขับขี่

จากการสอบถาม น.ส.สัชฌกร เจ้าของรถซึ่งอยู่ในอาการดีใจ กล่าวว่า ตนเองได้นำรถไปจำนำไว้ในราคา 80,000 บาท ไว้กับญาติสาวโดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน ต่อมาวันที่ 7 พ.ย.64 ญาติติดต่อมาให้นำเงินมาไถ่ถอนรถยนต์ หากไม่ไถ่ถอนจะปล่อยรถยนต์ออกไป ต่อมาวันที่ 8 พ.ย.64 ตนเองและมารดาได้ให้ น.ส.ราตรี ศรีสมบัติ โอนเงินไปไถ่ถอนรถยนต์คืน โดยมีการโอนเงินให้ ญาติ ธนาคารกรุงไทย เจ้าของบัญชีจำนวนเงิน  88,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย ต่อมา ญาติแจ้งว่า ให้มารับรถยนต์คืนในวันที่ 22 พ.ย. 64 และเมื่อถึงกำหนดตนเองกลับไม่ได้รถยนต์คืน ซึ่ง ญาติ อ้างว่ารถยนต์หลุดไปไม่สามารถตามรถมาคืนได้ จึงเลื่อนคืนรถยนต์เป็นวันที่ 13 ธ.ค.64 ต่อมาตนเองได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานจราจร เนื่องจากผู้ขับขี่รถยนต์กระบะยี่ห้อ ฟอร์ด สีขาว  หมายเลขทะเบียน กธ 1483 กาฬสินธุ์ ขับขี่รถยนต์ด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงเชื่อว่า ญาติคนนี้ได้ครอบครองรถยนต์ไว้และมีเจตนาเบียดบังเอาเป็นของตนเองโดยทุจริต จึงได้แจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ปจว.ข้อที่ 22 ลงวันที่ 15 ธ.ค.65 เวลา 15.37 น. เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายกับญาติสาวและเมื่อวานนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา ได้โทรศัพท์ไปหาว่า ถามเป็นเจ้าของรถหรือไม่ ซึ่งตนเองรู้สึกดีใจที่ได้รถคืน เพราะรถหายไปตั้ง 5 เดือนแล้วก็ไม่รู้ว่ารถไปอยู่ที่ไหน เพราะหาไม่เจอและก็ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ แล้ว และตั้งแต่รถหายตนเองก็ไม่คุยกับญาติคนนี้อีกเลย และอยากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยาทุกท่านที่ได้ช่วยเหลือตนเองในการตามรถคืนมา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่รถหายไปก็ได้มีใบสั่งจำนวน 12 ใบส่งไปหาตนเองที่บ้านพื้นที่จะเป็นจังหวัดภายในภาคกลางซึ่งตนก็คิดว่าญาติคนนี้นำรถไปจำนำหรือขายให้กับคนอื่นแล้ว