สตม.เปิดปฏิบัติการยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย-จับผู้ต้องหาชาวจีน 9 รายหนีคดีฉ้อโกงมูลค่าหลายพันล้านซุกในไทย

0
228

วันที่ 14 ม.ย.66 พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม.พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม. พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม. พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ

คดีแรกตำรวจ บก.สส.สตม.เปิดปฏิบัติการยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกายครั้งที่ 2  ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาดำเนินการกรณีเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยแจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน 9 ราย ซึ่งได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยและมีความประสงค์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการจับกุมและส่งผู้ต้องหาทั้ง 9 รายกลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน 

 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงได้สั่งการให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนำข้อมูลคนต่างด้าวทั้ง 9 รายไปตรวจสอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. จากการตรวจสอบพบข้อมูลว่า มีผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย การอนุญาตสิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) จำนวน 2 ราย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรไทยของคนต่างด้าวที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย และได้เปิดปฏิบัติการยุทธการกวาดล้าง มังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2/2566 ขึ้น ผลการปฏิบัติได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 9 ราย ดังนี้

1.ข้อหาฉ้อโกง จำนวน 3 ราย ผู้ต้องหาคือ 1.นายเกาชิง (นามสมมติ) อายุ 48 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร 2นายเจียนกุน (นามสมมติ) อายุ 48 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร 3.นางยงหง (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร โดยทั้ง 3 คนมีพฤติการณ์กระทำผิดคือได้ร่วมกันกับพวกพัฒนาเว็บไซต์ เอซีอี เพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์หุ้น “ACE King” โดยอ้างว่าเป็นหุ้นที่ความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูงและดึงดูดสมาชิกให้เข้าร่วมลงทุนรวมทั้งทำโปรโมชั่นต่าง ๆ จนมีสมาชิกกว่า 250,000 บัญชี จนมีผู้หลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนซื้อหุ้น “ACE King” ในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมากสร้างความเสียหายมูลค่ารวม 2.3 พันล้านหยวน(ประมาณ 11,500 ล้านบาท)  

2.ข้อหาฉ้อโกงสัญญา จำนวน 2 คน ได้แก่ 1.นายเหลียง (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร  2.นายลิห่าว (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติจีน ถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย พฤติการณ์กระทำผิดของทั้งสองคนคือ ในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2565 ผู้ต้องหาทั้ง 2  ได้ใช้บริษัทแห่งหนึ่งหลอกลวงผู้เสียหายให้ทำสัญญาซื้อขายเหล้า Maotai โดยผู้เสียหายได้จ่ายเงินซื้อเหล้า Maotai เป็นจำนวนเงิน 6.75 ล้านหยวน (ประมาณ 33.7ล้านบาท) ตามที่ตกลงไว้ในสัญญาแต่ผู้ต้องหาไม่มีเหล้า Maotai และไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้กับผู้เสียหาย 

3.ข้อหาฟอกเงิน จำนวน 2 คน ได้แก่ 1.นายเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิดคือนายเหว่ยได้นำเงินที่ได้จากการทำผิดกฎหมายมาซื้อทองคำหลายครั้งเพื่อปกปิดการกระทำผิดและฟอกเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย 2.นายกัง (นามสมมติ) อายุ 28 ปี สัญชาติจีน ถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย พฤติการณ์กระทำผิด นายกังได้ทรัพย์สินมาจากการฉ้อโกงคนอื่นต่อมาช่วงเดือนธันวาคม2564ได้นำทรัพย์สินที่ได้จากการฉ้อโกงไปเข้าบัญชีธนาคารของผู้อื่นและโอนซื้อสินค้าต่าง ๆ เพื่อฟอกเงิน  

4.ข้อหาใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว จำนวน 1 คน ได้แก่ นายต้าลิน (นามสมมติ) อายุ 42 ปีสัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิด คือ ตั้งแต่ปี 2564 – 2565 นายต้าลิน ได้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเขาในฐานะหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อและการตลาดของร้านขายของชำใน Carrefour (China) Management  Co., LTD. ฉ้อโกงทรัพย์สินของบริษัทกว่า 15 ล้านหยวน (ประมาณ 75 ล้านบาท) 

5.ข้อหาดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย จำนวน 1 คน ได้แก่ นายจงเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิด นายจงเหว่ยสมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่นเพื่อแสวงหากำไรที่ผิดกฎหมายและโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานของรัฐโดยได้พัฒนาและสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงิน OnedaPayเพื่อให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผิดกฎหมายโดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 280 ล้านหยวน (ประมาณ 1,400 ล้านบาท)

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวคนต่างด้าวที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราอาณาจักรจำนวน 7 ราย ส่ง กก.3 บก.สส.สตม.เพื่อรอผลักดันส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรไทย ส่วนคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด(OVERSTAY)ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป