สตม.จับหนุ่มแดนโสมเปิดเว็บไซต์หลอกหญิงไทยค้ากาม-อีกคดีจับหนุ่มไต้หวัน ราชาฟอกเงิน เครือข่ายแก๊ง call center

0
247

สตม.ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานสาธารณรัฐเกาหลีประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีผู้ต้องหารายสำคัญ คือ นายจินหอง (jinhong) นามสมมติ อายุ 41 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ บุคคลตามหมายจับตำรวจสากล ซึ่งก่ออาชญากรรมเป็นขบวนการจัดหาหญิงไทยเพื่อค้าประเวณีในประเทศเกาหลีใต้ โดยจะทำการเปิดเว็บไซต์ หาลูกค้าที่ต้องการซื้อบริการ จากนั้นจะส่งที่อยู่เลขห้องให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อบริการและจัดเตรียมห้องพักให้หญิงไทยเพื่อขายบริการ พบเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท
จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า นายจินหอง ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ผบก.สส.สตม. จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายจินหอง และสั่งการให้ กก.4 บก.สส.สตม. สืบสวนติดตามตัวนายจินหองเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย จนทราบว่านายจินหองหลบซ่อนอยู่ในบ้านแห่งหนึ่งพื้นที่ จว.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ติดตามเฝ้าดูจนพบบุคคลลักษณะคล้าย นายจินหอง จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอทำการตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน จึงได้แจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยให้นายจินหองทราบ จากนั้นนายจินหอง ได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจสอบบ้านพักที่ต้องสงสัย ผลการตรวจสอบพบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ที่มีข้อความแชทคุยกับลูกค้าและกลุ่มหญิงไทยที่ค้าประเวณี และพบสมุดบัญชีจำนวนหลายรายการ จึงได้ทำการตรวจยึดและนำตัวนายจินหองส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

อีกคดี สตม.ได้รับประสานงานจากสำนักงานวัฒนธรรมเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหารายสำคัญ คือ นายกัว (kuo) นามสมมติ อายุ 39 ปี สัญชาติไต้หวัน ซึ่งก่ออาชญากรรมเป็นหัวหน้ากลุ่มฟอกเงินให้กับแก๊ง call center และแก๊งพนันออนไลน์ โดยนายกัวได้เปิดบริษัทในหลายประเทศ เพื่อฟอกเงินให้กับขบวนการแก๊ง call center ที่ตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา และแก๊งพนันออนไลน์ที่ตั้งอยู่ในประเทศแถบเอเชียและยุโรป มีมูลค่าการฟอกเงินเกินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกลุ่มฟอกเงินของนายกัวมีสมาชิกจำนวนกว่า 16 ราย ปัจจุบันสามารถตามจับผู้ต้องหาได้ครบทุกราย
จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า นายกัวได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วยวีซ่าไทยแลนด์ อีลิท (Thailand Elite Visa) และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ผบก.สส.สตม. จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายกัว และได้สั่งการให้ กก.4 บก.สส.สตม. สืบสวนติดตามตัวนายกัวเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย จนทราบว่านายกัวหลบซ่อนอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านคลองสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขอหมายค้นต่อศาลอาญาธนบุรี และเข้าค้นคอนโดต้องสงสัย จากการตรวจค้นพบ นายกัว จึงได้ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน จึงได้แจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยให้นายกัวทราบ และพบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่คาดว่าใช้ในการกระทำความผิดหลายรายการ จึงได้ทำการตรวจยึดและได้นำตัวนายกัว ส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สตม.หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร. 081 866 3000 สายด่วน 1441 website: https://thaipoliceonline.com Chat line id : @police1441 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 สายด่วน : 1178 website : www.immigration.go.th