
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2568 พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 เปิดเผยว่า ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 ได้สั่งการให้หน่วยในสังกัดได้แก่ กก.สส.บก.ตม.3, ตม.จว.สมุทรปราการ และ ตม.ชลบุรี สนธิกำลังร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาต่างชาติรายสำคัญ ซึ่งหนีหมายจับต่างประเทศดังนี้
เคสที่ 1 ตม.3 ร่วมกับ พ.ต.อ.สุเมธ เจนวงศ์พิทักษ์ ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการ พร้อมด้วยชุดสืบสวนได้ร่วมกันจับกุมตัว Mr.Sung นายซุง (นามสมมติ) ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ เรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งหลบหนีหมายจับจากประเทศจีน และเข้ามาพำนักในประเทศไทยนานหลายเดือน โดยมีพฤติกรรมหลบเลี่ยงการติดตามของเจ้าหน้าที่ ด้วยการเปลี่ยนที่พักและสถานอยู่ในหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางจนกระทั่งมาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่สมุทรปราการ
เคสที่ 2 พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆสิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี สั่งการให้ พ.ต.ท.กวิณวัชร์ อารยะสุริวงศ์ รอง ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ร.ต.อ.พงศ์เจริญ ทองไพบูลย์ รองสว.ตม.จว.ชลบุรี ด.ต.ชัชวาล คุ้มภัย ผบ.หมู่ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกันสืบสวนจับกุม Mr.Li นายลี(นามสมมติ) สัญชาติจีน อายุ 56 ปี ซึ่งกระทำความผิดฐานฉ้อโกง และถูกกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งเขตซงเจียง นครเซี่ยงไฮ้ ออกประกาศสืบจับไว้
พล.ต.ต.ทรงโปรด ผบก.ตม.3 เปิดเผยว่า ทาง บก.ตม.3 ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทางการของประเทศจีน ทำให้ทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ได้ก่อเหตุในประเทศจีน และเมื่อทราบว่าตนน่าจะถูกหมายจับ จึงได้หลบหนีเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย ซึ่งในขณะนั้นทางการจีนยังไม่ได้ประกาศหมายจับลงในระบบตำรวจสากล จึงมิได้ห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ต่อมาภายหลังจากได้รับข้อมูลการประสานงานแล้ว จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนไปดำเนินการสืบจับ พฤติกรรมนายซุง ในช่วงปี 2560–2562 ระหว่างที่ทำงานอยู่ในบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในประเทศจีน ได้มีการเรียกรับเงินสินบนจากผู้รับเหมา รวมกว่า 800,000 หยวน (เป็นเงินไทยกว่า 3.6 ล้านบาท) โดยอ้างว่าเป็น “ค่าบริการทางเทคนิค” และ “ค่าความช่วยเหลือในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง” ก่อนจะหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดี
พล.ต.ต.ทรงโปรด ยังได้กล่าวอีกว่า ตนได้กำชับให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดประสานข้อมูล กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อติดตามพฤติกรรมของคนต่างด้าวซึ่งแม้อาจเดินทางเข้ามาถูกต้องแล้ว โดยอาศัยฐานะนักท่องเที่ยวหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย แต่เมื่อตรวจสอบพบว่ามีประวัติการกระทำผิด ก็ให้ทำการควบคุมตัวและดำเนินการตาม พรบ.คนเข้าเมือง ตลอดจนกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันคนต่างชาติเหล่านี้ออกไป