สตม.แถลงจับต่างชาติ 4 ราย หนีคดีกบดานไทย รวบจีนเทาตุ๋นสถาบันการเงิน 2,800 ล้านบาท -จับ 3 มังกรจีนหลอกเพื่อนส่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ -สืบตม.รวบหนุ่มไต้หวันหนีหมายจับคดียาเสพติด -จับหนุ่มแดนมะกะโรนีลักลอบนำเข้ายาเสพติดในบ้านเกิด

0
6

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.,พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปชก.ตร., พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปชก.ตร.,พล.ต.ท.อุดร ยอมเจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปชก.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปชก.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้นตรวจสอบระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทยกระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม.,พ.ต.ท.ดุสิต ภูหงษ์เพชร รอง ผกก.1 บก.สส.สตม.ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดีสำคัญ ดังนี้
​1.สตม.รวบจีนเทาหลอกสถาบันการเงิน สูญเงิน 2,800 ล้านบาท หนีกบดานไทย สอท.สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ขอความร่วมมือ สตม. ให้สืบสวนจับกุมและส่งกลับผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการจีน ชื่อ MR.PAN (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน ซึ่งกระทำความผิดฐาน ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย โดย MR.PAN ได้ร่วมกันกับพวกเพื่อตั้งกลุ่มหลอกลวงประชาชนชาวจีน โดยแอบอ้างมีธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีผลประกอบการดี เพื่อนำไปกู้เงินจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ให้ปล่อยกู้อย่างผิดกฎหมาย รวมจำนวนเงิน 560 ล้านหยวน (ประมาณ 2,800 ล้านบาท) และมีกำไรเกิดขึ้นอย่างผิดกฎหมายมากกว่า 80 ล้านหยวน (400 ล้านบาท) ซึ่งหน่วยสืบสวนอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเซี่ยงไฮ้ ได้ทำการสืบสวนและขออนุมัติหมายจับ MR.PAN กับพวก เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2567 ในความผิดเกี่ยวกับการทำธุรกิจลักษณะผิดกฎหมาย แต่ปรากฏว่า MR.PAN ได้หลบหนีออกนอกประเทศจีนมายังประเทศไทยก่อนหน้าที่จะมีการออกหมายจับแล้ว
​ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนโดยกองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ทำการสืบสวนติดตามตัว MR.PAN ผู้ต้องหาตามหมายจับประเทศจีนดังกล่าว พบว่าได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ 25 พ.ค.67 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และไม่มีการต่อวีซ่าคาดว่าเพื่อหลบเลี่ยงการติดตามตัวจากทางการไทยและจีนจนปัจจุบันวีซ่าได้หมดอายุแล้ว จากการตรวจสอบพบข้อมูลการแจ้งที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จว.ชลบุรี จึงได้จัดกำลังลงพื้นที่หาข่าวจนทราบว่า MR.PAN หลบซ่อนตัวอยู่กับแฟนสาวในร้านทำเล็บแห่งหนึ่งในพื้นที่เมืองพัทยา จึงได้เฝ้าสังเกตุการณ์ร้านทำเล็บดังกล่าวเป็นเวลากว่า 3 เดือน จนมั่นใจว่า MR.PAN หลบซ่อนตัวอยู่ในร้านทำเล็บดังกล่าว จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้นและพบตัว MR.PAN อยู่ภายในร้านดังกล่าวจริง สอบถามยอมรับว่าเป็นชาวจีนตามหมายจับดังกล่าวจริง แต่ไม่ให้การในเรื่องการกระทำผิดในประเทศจีน เบื้องต้น จึงได้จับกุม MR.PAN ในความผิด เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด หรือ อยู่เกิน หรือ Overstay นำตัวส่ง พงส.สภ.บางละมุง และแจ้ง สอท. สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อนำตัวกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

2.สตม.สอท.สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ได้ประสานข้อมูลให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ช่วยสืบสวนติดตามตัวชาวจีน จำนวน 3 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการจีน ในความผิดเกี่ยวกับ การหลอกลวงชาวจีนไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลักษณะเป็นการค้ามนุษย์ โดยเป็นการสืบสวนของ จนท.ตำรวจจีน มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ซึ่งพบว่า เมื่อช่วง ธ.ค.2567 ถึง ก.ค.2568 กลุ่มของผู้ต้องหาชาวจีน ซึ่งมี MR.YANG (นามสมมติ) อายุ 31 ปี และ MR.ZHANG (นามสมมติ) อายุ 21 ปี ร่วมอยู่ด้วย มีพฤติกรรมหลอกลวงเหยื่อชาวจีน ไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาและกัมพูชา โดยอ้างว่าสามารถเปิดบัตรเครดิตต่างประเทศและกดเงินสดออกมาได้โดยไม่ต้องชำระเงิน แต่ต้องเดินทางออกนอกประเทศไปเปิดการใช้บัตรเครดิตก่อน เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจะพาไปที่บริเวณชายแดนมณฑลยูนนาน และกวางซี จากนั้นจะมีกลุ่มช่วยเหลือหลบหนีข้ามชายแดน และจะพาตัวไปยังฐาน การหลอกลวงในเมียนมา และกัมพูชา ต่อมาจะถูกบังคับให้ทำการหลอกลวงชาวจีนด้วยกัน ซึ่งมีผู้เสียหายชาวจีนกว่า 120 คนแล้ว มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านหยวน หรือประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งทางการจีนได้สืบสวนจับกุมไปแล้ว 11 คน ที่ประเทศจีน แต่ MR.YANG และ MR.ZHANG ได้หลบหนีออกนอกประเทศจีนมายังประเทศไทยก่อนแล้ว ศาลมณฑลเจียงซู จึงได้ออกหมายจับทั้ง 2 คน เมื่อเดือน ก.ค.2568 ที่ผ่านมา
กองบังคับการสืบสวนสอบสวน มอบหมาย กองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคน เข้าเมือง ทำการสืบสวนหาข่าวติดตามตัว MR.YANG และ MR.ZHANG โดยจากการตรวจสอบพบข้อมูลว่า MR.YANG ได้เดินทางเข้าไทยเมื่อ ก.ย.68 ส่วน MR.ZHANG เดินทางเข้าไทยเมื่อ มิ.ย.68 ทั้งคู่ใช้วีซ่านักท่องเที่ยว และพบว่าทั้งสองแยกกันพักอาศัยในคอนโดมีเนียมย่านซอยสุขุมวิท 10 และซอยลาดพร้าว 102 จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว และเฝ้าสังเกตคอนโดมีเนียมทั้ง 2 แห่ง จนกระทั่งพบตัว MR.YANG และ MR.ZHANG ในเวลาต่อมา และได้ควบคุมตัวในความผิดอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นอกจากนี้ยังพบตัว Miss CHENG (นามสมมติ) อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นแฟนสาวของ MR.ZHANG อยู่ด้วยกันภายในห้องพัก จึงตรวจสอบกับตำรวจจีนประจำ สอท.สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย พบว่า ถูกทางการจีนออกหมายจับด้วยเช่นกัน ในความผิดเกี่ยวกับการรับของโจรและการช่วยเหลือชาวจีนให้ลักลอบออกนอกประเทศจีน ซึ่งเชื่อว่าอยู่ในแก๊งเดียวกัน จึงได้จับกุมดำเนินคดีทั้ง 3 คน และประสานทางการจีน เพื่อส่งตัวกลับไปดำเนินคดีตามหมายจับของทางการสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป

3.สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไต้หวัน ประจำประเทศไทย ได้ประสานงานแจ้งข้อมูลว่ามีชายชาวไต้หวัน กระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำยาเสพติดเข้าในไต้หวัน ชื่อ MR.CHEN (นามสมมติ) อายุ 37 ปี โดยเหตุเกิดที่สถานีตรวจสอบขนส่งสินค้าทางอากาศเขตจีหลง ไต้หวัน เมื่อ 8 ก.ค.64 กรมศุลกากรจีหลง ได้ตรวจสอบยาเสพติดประเภทกัญชา จำนวน 110 ห่อ (น้ำหนักรวมประมาณ 54.334 กก.) ซุกซ่อนอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์สินค้านำเข้าจากประเทศแคนาดาที่สำแดงว่า เป็น ไม้เมเปิ้ล ต่อมาเมื่อ 12 ส.ค.64 สามารถจับกุมผู้มารับสินค้าดังกล่าวได้ 1 คน หลังจากนั้นสอบสวนขยายผลได้อีก 2 คน โดยทั้ง 2 คนให้การซัดทอด MR.CHEN และมีพยานหลักฐานเพียงพอ อัยการเขตจีหลงได้ยื่นฟ้อต่อศาลเมื่อ 10 ก.พ.65 หลังจากนั้น MR.CHEN จึงได้หลบหนีออกนอกไต้หวันตั้งแต่ 2566 ศาลเขตจีหลง จึงได้ออกหมายจับ MR.CHEN เมื่อ 9 ส.ค.67 หลังจากนั้นทางการไต้หวัน ได้สืบทราบว่า MR.CHEN ได้เดินทางเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย จึงได้ประสานความร่วมมือขอให้ติดตามสืบสวนหาตัว MR.CHEN ดังกล่าว
​กองบังคับการสืบสวนสอบสวนได้มอบหมายให้ กองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ออกติดตามหาข่าวและควบคุมตัว MR.CHEN จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า MR.CHEN ได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเมื่อ 14 ก.ค.68 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว พักอาศัยอยู่ที่คอนโดมีเนียมแห่งหนึ่งในเขตจอมทอง และทราบว่ากำลังสมัครเรียนที่สถานศึกษาแห่งหนึ่ง ชุดสืบสวนจึงได้วางแผนเฝ้ารอ MR.CHEN นำเอกสารและมาแสดงตัว ต่อ จนท.ตรวจคนเข้าเมือง ณ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และเมื่อ 27 พ.ย.68 MR.CHEN ได้มายื่นเอกสารตามนัดหมาย จนท. จึงได้แสดงตัวและควบคุมตัวเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ควบคุมตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. และได้ประสาน สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไต้หวัน เพื่อส่งตัวกลับไต้หวันดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

4.สตม.รวบหนุ่มแดนมะกะโรนี ลักลอบนำเข้ายาเสพติดในบ้านเกิด สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจประจำ สอท.อิตาลี ประจำประเทศไทย ได้ประสานงานร้องขอให้สืบสวนติดตามจับกุม MR.SIMONE (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ชาวอิตาลี เนื่องจากถูกออกหมายจับโดยศาลเมือง Asti ประเทศอิตาลี ในความผิดเกี่ยวกับการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด โดยตำรวจอิตาลีสืบสวนพบว่ามีการลักลอบส่งยาเสพติด ผ่านพัสดุจากต่างประเทศต่าง ๆ ตั้งแต่เมื่อ ก.ย.2567 – มิ.ย.2568 โดยมียาเสพติดหลายชนิด ทั้งเฮโรอีน, โคเคน, เคตามีน, ยาอี, LSD ซึ่งมีการแอบนำยาเสพติดซุกซ่อนมากับพัสดุจากต่างประเทศ ซึ่งมีการสืบสวนและจับกุมผู้ต้องหาชาวอิตาลีที่รับพัสดุยาเสพติดดังกล่าวแล้ว 2 ราย จากการสืบสวนขยายผล ทำให้ทราบว่ามี MR.SIMONE เป็นผู้จัดส่ง ยาเสพติดดังกล่าวไปให้แก๊งในอิตาลี และนำไปจำหน่ายให้ลูกค้าต่อไป และจากการสืบสวน ทำให้ทราบว่า MR.SIMONE ได้หลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย
​ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ได้มอบหมายให้ กองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการติดตามสืบสวนนำตัวส่งกลับไปยังประเทศอิตาลี จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า MR.SIMONE เดินทางเข้ามาในไทยเมื่อเดือน ต.ค.2568 ด้วยวีซ่า DTV และพบข้อมูลว่าพักอาศัยอยู่ในคอนโดมีเนียมย่านเอกมัย จนท.ชุดสืบสวนจึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นห้องพักดังกล่าว ซึ่งผลการตรวจค้นพบ MR.SIMONE พักอาศัยอยู่ และไม่พบยาเสพติดหรือสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด จึงได้แจ้งคำสั่งการ เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรควบคุมตัวส่งห้องกัก กก.3 บก.สส.สตม. หลังจากนั้นได้ประสานข้อมูลกับ จนท.ทูตฝ่ายตำรวจประจำ สอท.อิตาลี เพื่อเตรียมการส่งกลับประเทศอิตาลีเพื่อดำเนินคดีต่อไป และหลังจากนี้จะได้สืบสวนขยายผล MR.SIMONE ว่ามีเครือข่ายสนับสนุนยาเสพติดให้หรือไม่ อย่างไร
​สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง