
วันที่ 16 ตุลาคม 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก.พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา รอง ผบช.ก. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ,พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.สำเริง อำพรรณทอง รอง ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ, กระทรวงสาธารณสุข โดย นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข , นางสาวจิตศ์ตราฎ์ หมีทองธนกรณ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย เภสัชกรหญิง สุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา, นายแพทย์ วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการทลายแหล่งจัดเก็บและกระจายเครื่องมือแพทย์(คอนแทคเลนส์) เถื่อน ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ตรวจยึดของกลาง จำนวน 385,070 ชิ้น มูลค่ากว่า 17,873,500 บาท เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดนำโดย พ.ต.ท.หญิง อนุสรา บัวแดง สว.กก.4 บก.ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
พฤติการณ์สืบเนื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียน และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้ตรวจสอบเครื่องมือแพทย์(คอนแทคเลนส์) ยี่ห้อ “Kilala” ที่มีการวางจำหน่ายตามแพลตฟอร์มออนไลน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจนทราบสถานที่จับเก็บและกระจายสินค้า ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวหากผลิตโดยไม่ได้มาตรฐานการผลิตและไม่ทราบถึงแหล่งที่มาแล้วมีการนำไปใช้กับดวงตา อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการใช้งาน และเกิดความเสี่ยงติดเชื้อจากการใช้งานได้
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นำหมายศาลจังหวัดจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นสถานที่จัดเก็บและกระจายสินค้าภายในโกดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ตรวจยึดและอายัดของกลาง จำนวน 385,070 ชิ้น ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี รายละเอียดดังนี้ 1.ผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ ที่ไม่ได้รับอนุญาต ประเภท คอนเทคเลนส์ จำนวน 322,500 ชิ้นมูลค่า 16,825,000 ล้านบาท 2.ผลิตภัณฑ์ยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ได้แก่ยาประเภท เจลทาลดไข้ ยาฆ่าเชื้อสำหรับทาบริเวณผิวหนัง จำนวน 1,500 ชิ้น มูลค่าประมาณ 120,000 บาท 3.ผลิตภัณฑ์อาหาร ที่ไม่มี อย. และไม่แสดงฉลากภาษาไทย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไบโอติน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแมกนีเซียม อาหารในภาชนะบรรจุปิดสนิท บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จำนวน 10,000 ชิ้น มูลค่า 800,000 บาท 4.ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ที่ไม่มีเลขจดแจ้ง และไม่แสดงฉลากภาษาไทย ได้แก่ ยาย้อมผม ครีมทาหน้า สบู่ จำนวน 500 ชิ้น ราคาประมาณ 50,000 บาท 5.ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ที่ไม่ได้รับอนุญาต ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำ จำนวน 1,000 ชิ้น มูลค่าประมาณ 50,000 บาท 6.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ไม่มีเลขทะเบียนตำรับ ได้แก่ ยาทารักษาโรคสะเก็ดเงิน และยาพ่นสำหรับรักษาอาการคัดจมูก จำนวน 570 ชิ้น มูลค่าประมาณ 28,500 บาท จากการตรวจสอบ พบว่าไม่ได้รับใบรับแจ้งรายการละเอียดนำเข้าเครื่องมือแพทย์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แต่อย่างใด
จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่าโกดังเก็บสินค้าดังกล่าวมีการบริหารจัดการในลักษณะ“เก็บ แพ็ค ส่ง”หรือ Fulfillment โดยสินค้าจะมี Ms.MENGฯ (สงวนนามสกุล) นายทุนชาวจีนเป็นผู้สั่ง และนำเข้ามาจากประเทศจีน จากนั้นนำมาเก็บไว้โกดัง เพื่อรอแพ็คส่งให้ลูกค้าชาวไทย โดยจะรับออเดอร์-ที่อยู่การจัดส่ง จากนั้นทำการแพ็คบรรจุ และส่งให้กับลูกค้าชาวไทย ตามคำสั่งของนายจ้างชาวจีน โดยทำมาแล้วประมาณ 1 ปี เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายดังนี้ 1. พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 ฐาน “ขายเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตฯ” ระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ฐาน “ขายยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา และขายโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท 3. พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ฐาน “จำหน่ายอาหาร ที่ไม่ขอ อย. ไม่แสดงฉลากภาษาไทย และแสดงฉลากอาหารไม่ถูกต้อง” ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท 4. พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่มิได้จดแจ้ง และไม่มีฉลากภาษาไทย” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 5. พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2551 ฐาน “ขายวัตถุอันตรายที่ไม่มีฉลาก” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 6. พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 ฐาน “ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า รัฐบาลได้กำหนดนโยบายในการปราบปรามสินค้านำเข้าผิดกฎหมายจากต่างประเทศอย่างเด็ดขาด กระทรวงสาธารณสุขจึงออกนโยบาย “ปราบปราม โปร่งใส ปลอดภัย เพื่อสุขภาพคนไทยทุกมิติ” เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนในทุกมิติ โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบการลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพจากต่างประเทศอย่างเข้มงวด เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน แต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการ และขยายผลการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว

นางสาวจิตศ์ตราฎ์ หมีทองธนกรณ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะไม่ผ่อนปรนต่อผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย เราจะดำเนินการตรวจสอบและติดตามอย่างต่อเนื่อง หากพบการกระทำผิดซ้ำจะดำเนินคดีในสถานหนักที่สุด เพื่อให้ผู้ประกอบการตระหนักและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ภญ. สุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวนขยายผลสืบหาโกดังจนสามารถตรวจยึดเครื่องสำอาง, อาหาร, วัตถุอันตราย และเครื่องมือแพทย์ที่ผิดกฎหมายได้จำนวนมาก ขอเตือนโกดังทุกแห่ง หากลักลอบขายและบริการจัดส่ง เสี่ยงมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมขายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายได้ ทั้งนี้ อย.และ ปคบ.จะดำเนินการ ร่วมตรวจสอบโกดังลักษณะแบบนี้อย่างต่อเนื่อง
นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง, อาหาร, วัตถุอันตราย และเครื่องมือแพทย์ทางสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีราคาถูกกว่าปกติ หรือโฆษณาโปรโมชั่นการตลาดที่ราคาลดลงจนไม่น่าเป็นไปได้ ให้ระลึกไว้เสมอว่าท่านกำลังเสี่ยงต่อการได้รับของไม่มีคุณภาพ และในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น เครื่องสำอาง อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องมือแพทย์ จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนจำหน่าย โดยสามารถดูได้ที่ฉลากผลิตภัณฑ์หรือที่บรรจุภัณฑ์ ควรซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน กรณีซื้อออนไลน์ให้ซื้อจากร้านค้าออนไลน์ที่มีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ และ ควรไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่มี อย. ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มี อย. และไม่อยู่เฉยหาก ได้รับผลิตภัณฑ์ที่ไม่มี อย. ให้ส่งคืนพร้อมแจ้งเบาะแสได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line: @FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
พล.ต.ต คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ปคบ. กล่าวว่า ประชาชนทั่วไปควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ ควรเลือกซื้อจากร้านขายยา หรือร้านขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือร้านค้าที่เชื่อถือได้ ก่อนซื้อขอให้ตรวจสอบการได้รับอนุญาตกับเว็บไซต์ อย. ก่อน โดยเฉพาะคอนแทคเลนส์ซึ่งนำมาใช้กับดวงตาโดยตรง อาจเกิดอาการแพ้ ติดเชื้อ ส่งผลกระทบต่อดวงตาได้ และขอเตือนผู้ที่ลักลอบขายผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที หากตรวจพบจะดำเนินคดีถึงที่สุด เพราะท่านกำลังทำให้ประชาชนได้รับความเสี่ยงจากการใช้เครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้มาตรฐาน จนอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อ เจ็บป่วย และต้องเยียวยารักษาโรค ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ. เตือนภัยผู้บริโภค