ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วม สบส. อย. สสจ.ชลบุรี สสจ.นนทบุรี และสภาการแพทย์แผนไทย รวบสารพัดกำมะลอ 8 หมอปลอม 3 เภสัชเก๊ 2 คลินิกเถื่อน นักจัดกระดูก ดาว tiktok โดนด้วย

0
23

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย,พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก.เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ,พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.สำเริง อำพรรณทอง, พ.ต.อ.พัฒนพงศ์  ศรีพิณเพราะรอง ผบก.ปคบ., สภาการแพทย์แผนไทย โดยนายชนาณัติ แสงอรุณ เลขาธิการสภาการแพทย์แผนไทย,พร้อมด้วยกระทรวงสาธารณสุข นำโดยนางสาวตรีชฎา  ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขฝ่ายการเมือง, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดย นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา,นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา,กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดย นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ,ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี โดย นพ.กฤษณ์ สกุลแพทย์นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี โดย นพ.ปริพนท์ จุลเจิม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ได้ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการระดมกวาดล้างแพทย์เถื่อน จำนวน 8 ราย และเภสัชกรเถื่อน จำนวน 3 ราย ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และชลบุรี

พฤติการณ์สืบเนื่องจากจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี และสภาการแพทย์แผนไทย อีกทั้งได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ให้ตรวจสอบบุคคลที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์กระทำการรักษาโรค และฉีดเสริมความงามให้ประชาชนทั่วไป รวมถึงให้ตรวจสอบร้านขายยากลุ่มเสี่ยงที่มีพฤติการณ์ใช้พนักงานร้านยาที่ไม่ใช่เภสัชกร ขายยาให้กับประชาชนทั่วไป เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ทำการสืบสวนพบว่า มีบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์และเภสัชกรหลายรายในพื้นที่หลายจังหวัดลักลอบใช้สถานที่ต่างๆ เปิดรับการรักษาและขายยาให้แก่ประชาชนโดยทั่วไปจริง จึงนำมาสู่การปฏิบัติการร่วมกันกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี และสภาการแพทย์แผนไทย ระดมกวาดล้างหมอเถื่อน สถานพยาบาลเถื่อน และเภสัชกรเถื่อน ในห้วงระหว่างวันที่ 21–26 พฤษภาคม ดังนี้

1.หมอเถื่อน สถานพยาบาลเถื่อน ในพื้นที่ จ .ชลบุรี  จ.นนทบุรี และ กทม. รวมจำนวน 8 จุด รายละเอียดดังนี้

1.1.สถานพยาบาลสำหรับตรวจรักษาโรคทั่วไปแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จับกุมนายทรงยศ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ผู้ทำการตรวจรักษา ดำเนินคดีข้อหา“ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต” 

1.2.คลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี  ซึ่งเปิดให้บริการรักษาตรวจรักษาโรคทั่วไป จับกุมน.ส.วริยา (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ผู้ทำการตรวจรักษาผู้ป่วย ดำเนินคดีข้อหา“ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต” 

1.3.คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จับกุมน.ส.เทียนทอง (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี และ .ส.กมลเนตร (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปีผู้ให้บริการฉีดวิตามินบำรุงผิวกับผู้มารับการรักษา ดำเนินคดีข้อหา“ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต” 

1.4คลินิกแห่งหนึ่งบริเวณ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จับกุม น.ส.พุทธรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี เป็นผู้นำผลิตภัณฑ์ยา ฉีดให้กับประชาชน ดำเนินคดีข้อหา“ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต” 

1.5คลินิกแห่งหนึ่งบริเวณ ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี จับกุม น.ส.เจษฎา (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ผู้นำผลิตภัณฑ์ยา ฉีดให้กับประชาชน โดยสถานพยาบาลดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการและใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาลแต่อย่างใด มีการติดเลขที่ใบอนุญาตคลินิกเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นคลินิกที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง ดำเนินคดีข้อหา“ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต” 

1.6 ร้านนวดเพื่อสุขภาพบริเวณ แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร จับกุม นายสุรชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี อินฟลูเอนเซอร์ ที่มีผู้ติดตามใน TikTok จำนวน กว่า 180,000 คน ผู้ทำการตรวจรักษาโรคไหล่ติด โดยวิธีการนวด ดึง และดัดกระดูก ให้ผู้เข้ารับการรักษาโดยไม่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย ดำเนินคดีข้อหา“ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับใบรับอนุญาต” 

1.7คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งบริเวณแขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร จับกุม น.ส.อภิชญานันท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ซึ่งนำเครื่องมือยิงเลเซอร์กำจัดขนให้ผู้รับการรักษาโดยไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยเครื่องยิงเลเซอร์นั้นจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ใช้จะต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ดำเนินคดีข้อหา“ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต” 

1.8.คลินิกแห่งหนึ่งบริเวณ พระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร จับกุม น.ส.ฐิติตาฯ ( สงวนนามสกุล ) อายุ 30 ปี ผู้ทำการตรวจรักษาภายในสถานพยาบาลที่ไม่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการและดำเนินสถานพยาบาล ดำเนินคดีข้อหา“ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต”         

รวมตรวจค้น 8 จุด โดยเป็นสถานพยาบาลเถื่อน จำนวน 2 แห่ง, จับกุมผู้ต้องหา 9 ราย โดยเป็นแพทย์เถื่อน 8 ราย แพทย์จริงที่ทำการรักษาในสถานพยาบาลเถื่อน 1 ราย พร้อมตรวจยึดของกลาง เช่น ยาแผนปัจจุบัน ยาขึ้นไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ รวมทั้งพยานหลักฐานอื่นๆ รวมจำนวน 176 รายการ ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก. ปคบ. ดำเนินคดี โดยผู้ที่ทำหัตถการให้หรือให้การรักษาต้องได้รับอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ในส่วนผู้ที่ทำการนวดรักษาต้องได้รับอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ซึ่งผู้ต้องหาที่แอบอ้างเป็นแพทย์ทำการรักษาเหล่านี้ ส่วนใหญ่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานในสถานพยาบาลหรือคลินิกเสริมความงามมาก่อน จึงพอมีความเข้าใจในการทำหัตถการ และสวมรอยเป็นแพทย์ให้การรักษาแก่ประชาชนทั่วไป และที่น่าตระหนกเป็นอย่างยิ่ง คือ ผู้ต้องหาบางรายจบการศึกษาเพียงมัธยมศึกษาปีที่ 6 บางรายจบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ป.ว.ส.) เท่านั้น ซึ่งสถานที่ที่แพทย์ปลอมเหล่านี้ให้การรักษา ไม่ได้เป็นสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตหรือเป็นคลินิกเถื่อน ยิ่งเป็นเพิ่มความเสี่ยงเป็นอันตรายต่อสุขภาพและอนามัยของประชาชนผู้เข้ารับบริการ และการปล่อยให้บุคคลที่มิใช่แพทย์มาให้บริการรักษา ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีคำสั่งทางปกครองให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว หรืออาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตได้ เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม 1.กรณีสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3.พ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2556 ฐาน “ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือการแพทย์แผนไทยประยุกต์โดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.ร้านยาที่ขายยาให้ประชาชนทั่วไปโดยไม่มีเภสัชกร กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้มีการจับกุมกลุ่มร้านขายยาน้ำ แก้แพ้ แก้ไอ รวมถึงการขยายผลจับกุมโรงงานผลิตยาแก้ไอปลอมอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งในปี 2568 นี้ เดือนมกราคม และเดือนเมษายน ที่ผ่านมาได้ร่วมกันทลายโรงงานผลิตยาแก้ไอปลอมจำนวน 2 แห่ง และในการดำเนินงานครั้งนี้ อย.ได้ประสาน ปคบ.ส่งข้อมูลร้านขายยากลุ่มเสี่ยง แก้แพ้ แก้ไอ ให้กลุ่มวัยรุ่นไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จึงได้ร่วมกันตรวจค้นในครั้งนี้ โดยในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ร่วมกับ อย. ได้เข้าตรวจสอบ
ร้านขายยา ภายในซอยเสือใหญ่อุทิศ แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 จุด โดยร้านยาในกลุ่มนี้ บางร้านทราบดีอยู่แล้วว่าแก้ยาไอที่จำหน่ายให้กับกลุ่มวัยรุ่นไปนั้นเจตนานำไปผสมกับน้ำกระท่อมเพื่อใช้เป็นสารเสพติด มีพฤติการณ์ในการจูงใจกลุ่มวัยรุ่นให้ซื้อยาแก้ไอมากขึ้น โดยจัดทำระบบสมาชิก เช่นสมาชิกทั่วไป ต้องมียอดซื้อ 15 แถม 1 ขวด จะสามารถสะสม 1 แต้ม เมื่อครบ 15 แต้ม หรือซื้อ 225 ขวด โดยยอดซื้อแบบสมาชิกทั่วไปต่อเดือนประมาณ 13,000–15,000 จะได้เลื่อนสถานะเป็นสมาชิกระดับ VIP เมื่อเป็นสมาชิกระดับ VIP แล้วจะต้องซื้อ 12 ขวดจะได้รับแถม 1 ขวด โดยต้องมียอดซื้อต่อเดือนประมาณ 8,000-10,000 บาท เพื่อคงสถานะ VIP ทำให้ยาเสพติดประเภท 4X100 นี้แพร่ระบาดอย่างกว้างขวางรวดเร็วยิ่งขึ้น และบางร้านยังตรวจพบว่ามีการขายยาหมดอายุหรือยาเสื่อมคุณภาพให้กับประชาชนโดยทั่วไปอีกด้วย

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. จับกุมผู้ที่ขายยาไม่ใช่เภสัชกร จำนวน 3 ราย ได้แก่ น.ส.พรรณ์นิภา (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ,นายธนทัศ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี และน.ส.มาซีเตาะ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ในข้อหาประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมฯ โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ.2537มาตรา 28 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งผู้ต้องหาที่ขายยาให้แก่ประชาชนนี้ มี 2 ราย จบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 ส่วนอีกหนึ่งราย จบเพียงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งร้านขายยาทั้งหมดไม่มีเภสัชกรอยู่ประจำร้าน พบผลิตภัณฑ์ยาผิดกฎหมายและยาเสื่อมคุณภาพรวม จำนวน 3,378 ชิ้น และพบยาปลอม  317 ขวด จึงได้ตรวจยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี

ในส่วนโทษของ พระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 มีความผิดดังนี้

  1. ผู้รับอนุญาต มีความผิดตามมาตรา 32 ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตขายยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษในระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงห้าพันบาท
  2. ผู้รับอนุญาต มีความผิดตามมาตรา 26(6) ไม่จัดทำบัญชียาที่ซื้อและขายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท และสำหรับร้านที่พบมีการขายยาปลอมจะมีความผิด ตามมาตรา 72(1) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท

นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเข้มงวดในการป้องกันและปราบปราม การกระทำความผิดที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนทั้งด้านการให้บริการสุขภาพและด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ได้คุณภาพ มาตรฐาน หรือไม่ปลอดภัย  ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้ ขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจสอบสวนกลาง ที่บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งมีทั้งสถานประกอบการและบุคคลที่ให้บริการโดยไม่มีความรู้ ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรือสร้างความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินของประชาชนผู้รับบริการจากคลินิกเถื่อนและหมอเถื่อน  รวมไปถึงการจัดการตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องการกวาดล้างตั้งแต่ต้นตอของปัญหายาเสพติด  ด้วยการจับกุมร้านขายยากลุ่มเสี่ยงและเภสัชเถื่อนที่มีการขายยาน้ำ  แก้แพ้ แก้ไอให้กับวัยรุ่นนำไปผสมสารเสพติดและน้ำกระท่อม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการนำไปสู่การใช้ยาเสพติดชนิดที่รุนแรงขึ้นในกลุ่มเยาวชน และก่อให้เกิดปัญหาภัยสังคมตามมาเป็นลำดับกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมมือกับหน่วยงานทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง เพื่อจัดการปัญหาทั้งที่เป็นภัยต่อสังคมและภัยต่อสุขภาพ รวมไปถึงการปราบปรามผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายโดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการลักลอบนำเข้าหรือผลิตโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งนอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ความปลอดภัยของประชาชนแล้ว ยังส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชาติอีกด้วย

ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ด้วยกระแสนิยมในด้านสุขภาพและความงามมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี ส่งผลให้ ณ ปัจจุบัน ทั่วประเทศมีสถานพยาบาลประเภทไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน (คลินิก) มากกว่า 40,000 แห่ง จึงอาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีแอบเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ลักลอบเปิดคลินิกเถื่อน หรือแอบอ้างเป็นแพทย์ มาให้บริการ จนส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ก่อนรับบริการทางการแพทย์ทุกประเภทขอให้ตรวจสอบหลักฐานสำคัญ 5 อย่าง ประกอบด้วย 1) ป้ายชื่อคลินิกต้องแสดงเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก 2) มีการแสดงใบอนุญาตเปิดกิจการคลินิก เลขใบอนุญาตต้องตรงกับเลขที่ที่ติดที่ป้ายชื่อคลินิก 3) มีการแสดงใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาลซึ่งต้องมีการระบุชื่อผู้ประกอบวิชาชีพหรือผู้ประกอบโรคศิลปะและต้องมีความเป็นปัจจุบัน 4)มีการแสดงหลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมคลินิกที่เป็นปีปัจจุบัน และ 5)มีการแสดงหลักฐานของแพทย์ที่ให้บริการในคลินิก โดยมี ชื่อ-นามสกุล และภาพถ่ายติดที่หน้าห้องตรวจ โดยสามารถตรวจสอบชื่อคลินิกได้ที่เว็บไซต์กองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (www.mrd-hss.moph.go.th) และตรวจสอบชื่อแพทย์ได้ที่เว็บไซต์แพทยสภา (www.tmc.or.th) หากไม่พบหลักฐานข้างต้นหรือขาดหรือไม่ครบถ้วนขอให้หลีกเลี่ยงการรับบริการและแจ้งมาที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 เพื่อดำเนินการตรวจสอบ

นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ในการตรวจจับครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการตรวจเฝ้าระวังร้านขายยากลุ่มเสี่ยงที่มีพฤติการณ์ขายยาน้ำ กลุ่มแก้แพ้ แก้ไอให้กับวัยรุ่น กลุ่มเยาวชน โดยนิยมเปิดร้านในแหล่งที่เป็นย่านการศึกษาหรือในชุมชน ซึ่งมีลูกค้าเฉพาะกลุ่มและมักเปิดในช่วงเวลากลางคืน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่  โดย อย.ได้ร่วมกับ กองกำกับการ 4 บก.ปคบ. ในการกวาดล้างร้านขายยาเครือข่าย ที่มีการขอใบอนุญาตขายยาเพื่อบังหน้า มีการขอใบอนุญาตหลายใบโดยบุคคลเดียวกัน เพื่อหวังโควต้าการรับซื้อยาน้ำแก้ไอ จากโรงงานผู้ผลิตโดยลักษณะของร้านเหล่านี้ ภายในร้านมีรายการยาอื่นอยู่น้อยรายการ และมีการซุกซ่อนยาแก้ไออยู่ในลิ้นชัก และตู้ทึบ หรือเก็บไว้หลังร้าน และคนขายยาไม่ใช่เภสัชกร  นอกจากนี้ ยังพบว่ายาแก้ไอที่ตรวจพบในร้านเหล่านี้เป็นยายี่ห้อเดียวกัน ซึ่งเป็นที่นิยมนำไปใช้ในทางที่ผิด คือ ใช้ผสมในสูตรสี่คูณร้อย  และยังพบยาน้ำแก้ไอปลอมขายอยู่ในร้านด้วย ที่ผ่านมา อย. ได้เฝ้าระวังกลุ่มยาน้ำแก้ไอ ซึ่งเป็นยาอันตราย ที่ต้องควบคุมการผลิตและขายให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยแหล่งที่จะขายยาดังกล่าวได้ต้องเป็นร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และผู้จ่ายยาต้องเป็นเภสัชกรผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการของร้านเท่านั้น นอกจากนี้ อย.ได้มีประกาศให้ผู้รับอนุญาตผลิตและขายยาดังกล่าวไปยังร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตไม่เกินเดือนละ 300 ขวด ต่อแห่ง และร้านขายปลีกสามารถขายให้แก่ประชาชนได้ครั้งละไม่เกิน 3 ขวด สำหรับร้านที่ตรวจพบพฤติการณ์ขายยาอันตรายนำไปใช้ในทางที่ผิดนั้น นอกจากผู้ขายจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรมแล้ว ผู้รับอนุญาตจะต้องถูกพักใช้ใบอนุญาตเป็นเวลาอย่างน้อย 120 วัน อีกด้วย  

ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line: @FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์  บุบผาสุวรรณ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. ได้รับเบาะแสบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ทำการรักษาโรค และทำหัตถการฉีดเสริมความงามให้ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชน ก่อนเข้ารับการรักษาโรค หรือเสริมความงามตามสถานพยาบาลต่างๆ ควรตรวจสอบการได้รับอนุญาตของคลินิกและแพทย์ที่ทำการรักษาก่อนในเบื้องต้น เพราะอาจทำให้ได้รับความเสี่ยงในการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ไม่ถูกต้องจากบุคลากรที่ไม่ใช้แพทย์ ในกรณีการเสริมความงามหากทำการฉีดรักษาโดยบุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์อาจทำให้ได้รับความเสี่ยงต่อการรักษาที่ผิดพลาด และเกิดผลกระทบกับใบหน้าได้ง่าย บางรายอาจถึงขั้นเสียโฉมยากต่อการแก้ไข และขอเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ, หมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ในส่วนตรวจสอบร้านขายยากลุ่มเสี่ยงข้างต้น กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับ อย. ตรวจสอบ เฝ้าระวังการผลิตและขายกลุ่มยาน้ำแก้ไอ ยาแก้แพ้ ซึ่งเป็นยาอันตรายไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ในกลุ่มเสี่ยง และกลุ่มวัยรุ่นในลักษณะสารเสพติดที่เรียกว่า “4×100” เพื่อหวังผลให้เกิดอาการมึนเมา รวมถึงมีการลักลอบขายทางอินเตอร์เนตมาโดยตลอด อาจเสี่ยงได้ยาปลอมที่ผลิตโดยไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีตัวยาเป็นส่วนผสม อาจทำให้การรักษาไม่ได้ผล ไม่หาย และอาจได้รับอันตรายถึงชีวิต ผู้ผลิตและขายยาจะต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง เพื่อเป็นหลักประกันเบื้องต้นว่ายาที่ผลิตมาสู่ท้องตลาดมีมาตรฐาน และรักษาโรคได้จริง ทั้งนี้ บก.ปคบ.จะดำเนินกวดขันจับกุมผู้ผลิตและขายยาปลอม รวมถึงกวาดล้างผู้ที่ผลิตและขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ถึงที่สุด โดยประชาชนทั่วไปหากพบเห็นการกระทำความผิดสถานพยาบาลหรือแพทย์ที่ต้องสงสัยว่าอาจอยู่ลักษณะหมอเถื่อน หรือสถานที่ลักลอบผลิต จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค