
วันที่ 29ก.ค.66 นางสาวปุ๋ย อายุ 32 ปี ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจทางหลวง1กองกำกับการ1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อขอบคุณ พ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์ รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงทุกท่านที่สามารถตามรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิมิราจของตนเองคืนมาได้หลังจากที่ขายต่อไปให้เพื่อนเมื่อหลายปีก่อนจนไปแนนซ์ตามยึดบ้านและที่ติดเนื่องจากตนเองไม่ได้ส่งงวดรถ
ด้านนางสาวปุ๋ย ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงทุกท่านที่ตามรถของตนเองกลับคืนมาได้ซึ่งตนรู้สึกดีใจมากหลังหมดหวังที่จะตามหารถไปแล้วซึ่งตนเองได้นำรถไปขายให้เพื่อนที่จะให้เพื่อนช่วยผ่อนต่อให้ จากนั้นเพื่อนก็หายไปเลยและก็มีหมายศาลมาที่บ้านจากกรมบังคับคดียึดทรัพย์ให้ไปประมูลตนเองเป็นหนี้ทั้งหมด 360,000 บาท ซึ่งตนเองไม่ได้ไปขึ้นศาลช่วงนั้นมันอยู่ในช่วงโควิดศาลก็บอกว่าจะเลื่อน แต่ศาลไม่ได้เลื่อนพิจารณาคดี และมีกรมบังคับคดีมายึดทรัพย์ที่บ้านหนี้ 360,000 บาทและหนี้ค้างจำนอง400,000 บาท ซึ่งตนเองไปประมาณมา 2 รอบแล้วเพื่อที่จะเอาที่ดินไว้ก่อนและก็หาเงินมาใช้หนี้ ซึ่งวันนี้ดีใจมาเลยที่ได้รถคืนมากเลยเพราะมีส่วนต่างอยู่แค่ 40,000 บาท ถ้าได้รถคืนมาเหตุเกิดตั้งแต่ปี 2562 นี่ก็เป็นเวลา 4 ปีแล้วที่รถได้หายไป
ด้าน พ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.66 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยาได้ออกตรวจเส้นทางและก็พบบริเวณ กม.41-42 (ทล.1) ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ MITSUBISHI รุ่น MIRAGE สีขาว ติดแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียน กจ-1265 สุพรรณบุรี ขับขี่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบกับระบบข้อมูลทะเบียนรถยนต์และทะเบียนรถขนส่ง (ฐานข้อมูลกรมการขนส่งทางบก) พบว่ารถยนต์ดังกล่าว มีข้อมูลเป็น รถยนต์เก๋งสองตอน ยี่ห้อ FORD ASPIRE สีแดง จึงเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด เพื่อทำการตรวจสอบ พบนางสาณิชา (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี เป็นผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบอนุญาตขับขี่,เอกสารคู่มือจดทะเบียนและแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปี ผลปรากฏว่า มีใบอนุญาตขับขี่,ไม่มีเอกสารคู่มือประจำรถแสดงและไม่มีแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปี และมีแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียน กจ-1265 สุพรรณบุรี จำนวน 2 แผ่น ซึ่งไม่มีลายน้ำด้านหน้าและไม่มีอักษร ขส. ที่ด้านหน้าและด้านหลังแผ่นป้ายทะเบียน จึงได้แจ้งข้อหากับนางสาวณิชา ปลอมและใช้เอกสารทางราชการปลอม และอยากฝากเตือนประชาชนว่าการซื้อรถมาแล้ว แล้วผ่อนต่อไม่ไหวนั้นเราต้องคุยกับไฟแนนซ์ก่อนว่ามีการพักชำระหนี้หรือการขอขยายสัญญา หรือจะไปหาสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ตามเพจทั่วๆไป ที่มีการรับรองถูกกต้องตามกฎหมายเอารถไปค้ำและเอาเงินออกมา แทนที่จะเอารถไปจำนำตามเพจเฟสบุ๊กต่างๆนั้นไม่ถูกต้อง และการเปลี่ยนคู่สัญญาหรือการให้เพื่อนผ่อนต่อนั้น เราต้องพาเขาไปที่ไฟแนนซ์ด้วย เพื่อที่ไฟแนนซ์เขาจะได้ยินยอมเปลี่ยนคู่สัญญาให้ถูกต้อง ซึ่งเราจับกุมรถได้พร้อมคนขับขี่ซึ่งเขาได้นำป้ายทะเบียนปลอมมาใช้กับรถคันนี้และส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ไปแล้ว ส่วนรถคันนี้เดี่ยวพนักงานสอบสวนจะทำเรื่องไปที่ไฟแนนซ์ และไฟแนนซ์ก็จะเอารถไปประมูลและเอาเงินมาใช้หนี้ที่น้องเขาติดไว้และน้องเขาจะเหลือหนี้สินที่น้อยลง