“ปวีณา”ช่วยกลับมาได้อีก 4 รายถูกหลอกทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา!

0
493

จ.ปทุมธานี 19 ก.ค.65 “ปวีณา” ประสานตำรวจ สตม.ช่วยกลับมาได้อีก 4 ราย เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกหลอกไปทำงานกัมพูชา หลังเหยื่อร้องขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ ผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับมูลนิธิฯ “ปวีณา” เผยคืบหน้าช่วยเหลือเหยื่อ 156 ราย ถูกหลอกโอนเงินสูญ 78 ล้าน มูลนิธิปวีณาฯ อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเส้นทางเงินโอนและบัญชีม้านำส่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 เร่งจับกุมผู้รับจ้างเปิดบัญชี หรือบัญชีม้าโดยเร็ว

วันที่ 19 ก.ค.65 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี รังสิต-นครนายก คลอง 7 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เหยื่อ 4 ราย ที่ถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศกัมพูชา โดยมูลนิธิปวีณาฯ ให้การช่วยเหลือกลับมาวานนี้ ประกอบด้วย นายหนึ่ง อายุ 33 ปี อดีตพนักงานการตลาด, นายสอง อายุ 40 ปี อดีต พนง.ขับรถทัวร์, นายสาม อายุ 34 ปี อดีตพนง.ขับแกร๊บ และนายสี่ อายุ 30 ปี อดีตพนง.ดับเพลิงห้างสรรพสินค้า เข้าพบ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม และขอบคุณมูลนิธิปวีณาฯ ที่ให้การช่วยเหลือ

ทั้ง 4 คน เล่าว่า ที่ผ่านมาพวกตนถูกกักขังให้ทำงานอยู่ในอาคาร 9 ชั้น เมืองสีหนุ วานนี้ 18 ก.ค.65 ได้พากันกระโดดหน้าต่างห้องพักชั้น 2 หนีออกมาและโทรติดต่อกับนายสิงห์เพื่อนที่ได้กลับมาก่อน และนายสิงห์ได้ติดต่อเรื่องรถให้รีบเดินทางมายังปอยเปตตรงข้ามด่านคลองลึก พร้อมกับแจ้งเรื่องมายัง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจจนได้ข้ามแดนกลับมา พวกตนยอมรับว่าประสบปัญหาช่วงโควิดตกงาน รายได้ไม่พอ และได้เห็นโฆษณาจากทางเฟซบุ๊ก มีคนชักชวนไปทำงานจึงอยากจะมีรายได้มากขึ้นจึงหลงเดินทางไปจึงรู้ว่าถูกหลอก

โดยการช่วยเหลือเหยื่อ 4 รายนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.65 นายสิงห์ (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี อดีตพนักงานคอลเซ็นเตอร์ธนาคารแห่งหนึ่งในจ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา ได้ขอเงินจากทางญาติและมีเพื่อนช่วยรวบรวมเงินไถ่ตัวเอง จำนวน 80,000 บาทกลับมา ก่อนจะเข้าร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ช่วยเพื่อนๆ ที่ยังอยู่ฝั่งกัมพูชาถูกบังคับให้ทำงานโทรหลอกลวงเงินคนไทยด้วยกัน

ด้านความคืบหน้ากรณีเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 156 ราย ที่ถูกหลอกให้โอนเงินเสียหายรวมแล้วกว่า 78 ล้านบาท โดยผู้เสียหาย 95% เป็นผู้หญิงทั้งสิ้น อาทิ แม่เลี้ยงเดี่ยว หญิงตั้งครรภ์ แม่ลูกอ่อน ผู้สูงอายุ และแม่บ้าน บางรายสูญเงินก้อนสุดท้ายที่หามาทั้งชีวิตถึงกับป่วยซึมเศร้าคิดฆ่าตัวตาย โดย น.ส.พรทิพย์ วิทยะวรภัทร อายุ 51 ปี เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ และนายยศวิน เพียรพิทักษ์ อายุ 51 ปี อาชีพดีไซน์เนอร์ เป็นตัวแทนเข้าร้องมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติติดตามคดี และสอบสวนขยายผลจากบัญชีม้าเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อนำเงินมาคืนกับกลุ่มผู้เสียหาย เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า ได้ประสาน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เพื่อให้การช่วยผู้เสียหายทั้ง 156 รายแล้ว ขณะเดียวกันก็ได้ประสาน พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 รับเรื่องแล้ว โดยจะเร่งดำเนินการจับกุมพวกบัญชีม้าให้โดยเร็ว ขณะนี้มูลนิธิปวีณาฯ อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลของผู้เสียหาย และทำบันทึกรายละเอียดส่งให้กับ รอง ผบ.ตร. โดยเฉพาะหมายเลขบัญชีของผู้เสียหายทุกคน ทุกบัญชี และหมายเลขบัญชีม้าที่โอนเงินไปเพื่อให้การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงานเนื่องจากมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับผู้เสียหายทุกคนโดยเร็ว

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวอีกว่า กรณีเหยื่อที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปทำงานที่กัมพูชา มูลนิธิปวีณาฯ ได้รับการร้องขอจากญาติให้ช่วยเหลือลูกหลานที่ถูกหลอกไปทำงานที่กัมพูชา และได้ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติช่วยเหลือกลับมาได้แล้ว 22 ราย ขอบคุณ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.สระแก้ว ร.ต.อ.กฤษณะ เอี่ยมสะอาด รองสว.กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ที่ให้การช่วยเหลือเหยื่ออย่างดียิ่ง

ทั้งนี้อยากฝากเตือนคนที่คิดจะไปทำงานต่างแดนหวังรายได้งามต้องตรวจสอบให้ดีเพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะโฆษณาชวนเชื่อในสื่อสังคมออนไลน์ อ้างว่าพาไปทำงานในบ่อกาสิโนเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่น แต่พอไปเข้าจริงๆ กลับถูกบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์ตกระกำลำบาก หากทำยอดไม่ได้ก็จะต้องอดข้าว ถูกกักขังทำร้าย และขายต่อไปอีก ซึ่งการช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องง่าย